
ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้มีโอกาสขึ้นชื่อว่าเป็น “นิสิต” ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แห่งนี้ เพราะมหาวิทยาลัยแห่งนี้สอนให้ผมได้มองโลกในมุมที่แปลกใหม่ และกว้างขึ้น ผมได้เรียนรู้ถึงการเข้าสังคมที่ผมไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน ซึ่งนั่นก็คือ “การรับน้องใหม่” เรียกได้ว่าเป็น “การละลายพฤติกรรม” ให้ผมและเพื่อนนิสิตได้หล่อหลอมกันเป็นหนึ่งเดียว ให้ผมได้รู้จักความอ่อนน้อมอย่างจริงใจในการเคารพผู้อาวุโสกว่าไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่หรือครูอาจารย์ รวมทั้งให้ผมได้เป็นผู้มีความอดทนและมีระเบียบวินัยไม่ว่าจะทำการใดๆก็ตาม แม้ในตอนแรกมันจะยังขัดกับความรู้สึกลึกๆอยู่บ้าง แต่ ณ ตอนนี้หัวใจและร่างกายของผมแข็งแกร่งพอที่จะเผชิญสิ่งที่รอผมอยู่ไม่ว่าจะเลวร้ายหรือไม่ในวันข้างหน้า

สิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งอันเรียกได้ว่าเป็น “หัวใจหลัก” ในการใช้ชีวิตมหาวิทยาลัยของผมก็คือ
“การเรียน” ซึ่งเป็นทั้งความหวังของผม และความหวังของใครอีกหลายๆคน ที่จะนำไปต่อยอดสู่ความสำเร็จในอนาคต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แห่งนี้เป็นมหาวิทยาลัยที่พร้อมไปด้วยบุคลากรผู้สอนที่มีคุณภาพ อีกทั้งสื่อการสอนที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพสูง ทำให้ผมคิดว่า “ผมโชคดีที่ได้มีโอกาสเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้” และผมก็สัญญากับตัวเองว่า “ผมสั่งสมสิ่งดีๆไว้ให้มากที่สุด ผมจะตั้งใจเรียน และผมจะต้องเป็นผู้ประสบความสำเร็จคนหนึ่ง ”
สายลมโชยอ่อนๆพัดเอาใบไม้ร่วงหล่นมาสัมผัสร่างของผม เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งที่ผมนั่งผ่อนคลายหรือทำกิจกรรมต่างๆอยู่ใต้ร่มเงาไม้ในรั้วนนทรี อันเป็นชื่อเรียกของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ที่หลายคนเรียนกันจนติดปาก ทำให้ผมสัมผัสได้ถึง “ความร่มรื่นที่มอบความสุขให้กับผม” ผมคิดว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่วิเศษ เพราะว่าสถาบันแห่งนี้เป็นทั้งที่มอบวิชาความรู้ มอบมิตรภาพ และมอบความร่มเย็นเป็นสุข

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น